วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

นิ่วในถุงน้ำดี ...

หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า นิ่วในถุงน้ำดีแล้วใช่ไหมคะ มันคือภาวะที่มีนิ่ว เกิดอยู่ในระบบถุงน้ำดี เอ... เหมือนจะกำปั้นทุบดินใช่ไหมคะ แล้วคุณรู้ไหมว่า ไอ้ที่เขาบอกว่า ถุงน้ำดี มันอยู่ตรงไหน ?

เห็นรูปข้างๆ นี้ไหมคะ นี่คือ รูปช่องท้องของเราโดยรวม จะเห็นมีจุดสีดำทางขวามือ ที่อยู่ซ่อนใต้ตับนี่ล่ะค่ะ มันคือถุงน้ำดี เป้าหมายที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ค่ะ

น้ำดีเป็นของเหลวที่สร้างจากตับ ทำหน้าที่ในการย่อยไขมัน คงไม่ต้องลงรายละเอียดทางวิชาการนะคะว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง เดี๋ยวจะงงและสับสน เอาง่ายๆละกันค่ะ


เมื่อเราทานอาหาร อาหารจะผ่านจากปาก ลงมาหลอดอาหาร และลงมาค้างอยู่ในกระเพาะ แล้วจึงค่อยๆ ผ่านลำไส้เล็กลงมาช้า ตรงลำไส้เล็กนี่เองค่ะ ที่มีท่อทางเดินน้ำดี มาเปิดอยู่ และมีน้ำดีไหลลงมาย่อยส่วนที่เป็นไขมัน


คนที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดีส่วนใหญ่ มักไม่มีอาการใดๆ มักบังเอิญตรวจเจอระหว่างที่ทำการตรวจโรคอื่นมากกว่า สำหรับผู้ที่มีอาการมักจะมาด้วยเรื่อง ท้องอืด หรือแน่นท้อง บางคนก็มีอาการจุกเสียด ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักเป้นหลังทานอาหารมันๆ เมื่อไปตรวจกับแพทย์ มักได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารเป็นแผล หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่าโรคกระเพาะ แต่พอทานยารักษา กลับไม่หายซักที อย่างไรก็ตาม นิ่วในถุงน้ำดี ไม่ใช่โรคเดียวที่มีอาการสับสนกับโรคกระเพาะหรอกนะคะ ต้องระวังโรคอื่นด้วย

นอกจากนี้ บางคนอาจจะไม่ได้มาพบแพทย์ด้วยเรื่องของจุกเสียดแน่นท้อง แต่กลับมาพบแพทย์ด้วยอาการแทรกซ้อนของนิ่วในถุงน้ำดี ก็ได้ค่ะ ที่พบได้บ่อยมากๆเลยคือ ภาวะ ถุงน้ำดีอักเสบ นอกจากนี้ ยังมีภาวะดีซ่านจากตับอักเสบ หรือนิ่วหล่นลงไปอุดตัดท่อน้ำดีได้อีกต่างหากค่ะ


เอ..ทีนี้ ถ้าโดยปกติ ไม่มีอาการเนี่ย แปลว่า ไม่อันตรายใช่ไหมนะ ....คำตอบคือ ... ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนล่ะก้ คุณจะเก็บนิ่วนี้ไว้ก็ได้ค่ะ แต่มันก็เหมือน เก็บระเบิดเวลาไว้ในช่องท้องคุณนะคะ ทำไมเหรอคะ? ลองมาพิจารณาตามนี้ดูนะคะ 


จากรูป พอจะเห็นระบบท่อน้ำดีคร่าวๆนะคะ เอาล่ะ ตอนนี้ คุณมีนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งเปรียบเสมือนก้อนหิน อยู่ในส่วนที่เป็นถุงน้ำดี ที่มีลักษณะเป็นถุง เหมือนลูกโป่งที่เรามักเอามาเป่าเล่นเมื่อคุณทานอาหารที่มีไขมัน มันจะบีบตัวเพื่อไล่น้ำดีออกมาย่อยไขมัน ลองนึกภาพดูนะคะ มันกำลังบีบตัว เจอก้อนหินค้ำไว้ เป็นไงคะ เหมือนคุณกำมือบีบก้อนหินไงคะ คุณจะปวดจุกๆได้ เอาล่ะยังไม่จบ เมื่อคุณเคลื่อนไหว พลิกตัว ขยับ ก้อนหิน ก็ยังคงอยู่ในถุงลูกโป่งที่มีน้ำหล่ออยู่ เขย่าๆ หินนั้นก็จะสีกับผนังลูกโป่งใช่ไหมคะ ผลคือ เกิดการอักเสบ กลายเป็นถุงน้ำดีอักเสบไงคะ

ถ้าคุณทานอาหารมันบ่อยๆ ถุงน้ำดีบีบตัวบ่อยๆ ไล่น้ำดีที่มีก้อนหินกลิ้งไปมาอยู่ วันดีคืนดี ก้อนหินที่ว่า กลิ้งตามแรงบีบ หลุดเข้าท่อน้ำดีไปอุดท่อน้ำดี เอาล่ะ ท่อตัน น้ำดีไหลลงมาไม่ได้ ย้อนขึ้นไปที่ตับ เกิดอาการตับอักเสบ เป็นดีซ่านขึ้นมาอีก เห็นไหมคะ ระเบิดเวลาชัดๆ ถ้าไม่มีอะไรก็ดีไป ถ้ามี ก็หนักเลยค่ะ

ที่นี้มาดูการรักษากันนะคะ การรักษานิ่วในถุงน้ำดี คือการถุงน้ำดีออกค่ะ เอาทั้งถุง และนิ่วออกไปเลย ที่เราไม่เปิดถุงน้ำดีเอานิ่วออก  แล้วเย็บซ่อมถุงน้ำดี เนื่องจากปมไหมเย็บจะก่อให้เกิดการตกตะกอนกระตุ้นให้เกิดนิ่วก้อนใหม่ได้ค่ะ

ทีนี้ผู้เขียนมักพบคำถามยอดฮิด คือ"ทานยาให้หายได้ไหม? " คำตอบคือ ไม่ได้ค่ะ ปัจจุบันนี้ไม่มียาตัวใดสามารถทำให้นิ่วในถุงน้ำดีละลายได้

 "ยิงสลายนิ่วไม่ได้เหรอ? " คำตอบคือ ไม่ได้ค่ะ ทำไมน่ะเหรอ เพราะนิ่วในถุงน้ำดี และ นิ่วในไต มีความแข็งต่างกันมาก ทำให้การยิงด้วยคลื่นเสียงไม่สามารถทำให้ก้อนนิ่วในถุงน้ำดีแตกละลายออกมาได้ โดยที่ไม่ทำร้ายอวัยวะโดยรอบค่ะ เปรียบง่ายให้เห็นภาพคือ นิ่วในถุงน้ำดีเหมือนก้อนหิน แต่ นิ่วในไตเหมือนก้อนกรวดที่เกิดจากทราย ป่นได้ง่ายกว่าค่ะ ดังนั้น หากเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ไม่ผ่าตัดจะไม่หายค่ะ


การผ่าตัด ปัจจุบันมีสองรูปแบบ คือ การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง และ การผ่าตัดโดยการส่องกล้อง จุดมุ่งหมายในการผ่าตัดทั้งสองแบบคือ การเอาถุงน้ำดีออกจากร่างกายค่ะ ทีนี้ เรามาดูข้อดี ข้อเสีย การผ่าตัดแต่ละแบบกันนะคะ

การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง เป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องดมยาสลบ อยู่โรงพยาบาล ประมาณ 4 - 5 วัน ขึ้นกับแต่ละบุคคล แผลมักจะยาวประมาณ 15 เซนติเมตรขึ้นไป อันนี้ขึ้นกับ ความหนาของหน้าท้อง และมุมของตับนะคะ ข้อดีของการผ่าตัดแบบนี้คือ แพทย์ผ่าตัด ได้ใช้มือจับด้วยตนเอง กระทำผ่าตัด โดยสัมผัสของแพทย์ มองเห็นชัดๆ จากตาของตนเอง เป็นวิธีมาตรฐาน และหากมีภาวะอื่นที่ตรวจพบร่วม อาจให้การรักษาต่อเนื่องไปในคราวเดียวกัน ขึ้นกับความเหมาะสม เช่น เห็นนิ่วในท่อน้าดีใหญ่ร่วมด้วย ก็อาจพิจารณา เปิดดุท่อน้ำดีต่อได้เลยเป็นต้น

การผ่าตัดแบบส่องกล้อง เป็นการผ่าตัดใหญ่เหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเทียบกับการเปิดหน้าท้อง ถือว่าเสียเลือดน้อยกว่า ต้องดมยาสลบเหมือนกัน อยู่รพ. น้อยกว่า คือ ประมาณ 3 วัน ก็กลับได้ แผลมี ประมาณ 3 แผล ยาวประมาณ แผลละ 3 เซนติเมตร ปวดน้อยกว่า  แต่ต้องใช้แพทย์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการส่องกล้องเท่านนั้น หากเคยผ่าตัดช่องท้องมาแล้ว ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม ไม่สามารถผ่าตัดโดยวิธีนี้ได้ และ การผ่าตัดผ่านกล้องนั้น แพทย์ จะมองผ่ากล้อง ใช้เครื่องมือจับอีกที ไม่ได้จับเนื้อเยื่อโดยตรง และสุดท้าย หากไม่สามารถเอาถุงน้ำดีออกได้ โดยใช้เครื่องมือ ก้จะต้องเปลี่ยนการผ่าตัดเป็นการเปิดหน้าท้องอยู่ดีค่ะ


ขอแถมอีกนิด อย่าเพิ่งเบื่อนะคะ มีคำถามบ่อยๆ ว่า เอ.. ถ้าเอาถุงน้ำดีออก ไปจากร่างกาย จะไม่เป็นปัญหาเหรอ? ย้อนกลับไปดูภาพข้างบนอีกครั้งนะคะ ถุงน้าดี ทำหน้าที่ในการเก็บน้ำดีที่ผลิตจากตับ เพื่อย่อยอาหารประเภทไขมัน เมื่อคุณทานอาหาร อาหารจะผ่านช่องปาก ลง หลอดอาหาร ไปตกที่กระเพาะอาหาร จะพักอยู่ตรงนั้น กระเพาะจะค่อยๆ บีบไล่ อาหารผ่านลำไส้เล็กไปช้าๆ ใช้เวลาในการบีบอาหารออกจากกระเพาะอาหารทั้งหมด 4 -6 ชั่วโมงโดยประมาณ เมื่ออาหารหมดกระเพาะ เราก็จะหิว แล้วเริ่มหาอะไรทานอีก เมื่ออาหารเดินทางมาที่ลำไส้เล็ก ถุงน้ำดีจะบีบตัวเพื่อไล่น้ำดี ออกมาย่อยอาหาร

ถ้าเราตัดถุงน้ำดีออก น้ำดีจะไหลจากตับ ลงไปที่ลำไส้เล็กเลย เอาล่ะ เราเริ่มชีวิตตอนเช้า ทานข้าวเช้า 6.00 โมงเช้า น้ำดี ไหลลงมาย่อยอาหารเรื่อยๆ โดยมีอาหารที่กระเพาะ ค่อยๆ บีบตัวผ่านไปช้าๆ จนเมื่อครบ 6 ชั่วโมง อาหารหมด เราจะหิว เที่ยงพอดี ทานเข้าไปอีก ย่อยช้าๆต่อ จนเย็น หกโมง ทานอหารอีก เห็นไหมคะ แทบจะไม่มีข้อแตกต่างกับตอนที่มีถุงน้ำดีเลย เอาละแล้วกลางคืนล่ะ 12 ชั่วโมงเชียวนะ ...ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อเราหลับน้ำดีก็จะผลิตน้อยไปด้วย เห็นไหมคะ ค่อนข้างจะไม่มีปัญหา หากคุณ ทานอาหารตามปกติ ไม่ได้อดมื้อกินมื้อ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลค่ะ

ทีนี้ ถ้าคุณอยากจะผ่าตัดแบบไหน คงต้องเลือกกันเองล่ะค่ะ

2 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอธิบายได้ชัดเจนมากๆค่ะ ขอบคุณนะคะ.

Unknown กล่าวว่า...

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอธิบายได้ชัดเจนมากๆค่ะ ขอบคุณนะคะ.