วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มารู้จัก พังพืดใต้ลิ้น กันเถอะ!!!



เมื่อพูดถึงคำว่า พังผืดใต้ลิ้น คุณทราบไหมคะ ว่าคืออะไร?
พังผืดใต้ลิ้น คือ แผ่นเนื้อเยื่อบางๆที่เกาะจากใต้ลิ้นไปที่พื้นของช่องปาก นี้เอง ปกติก็มีกันเกือบทุกคน จะมากน้อยหรือหนาบาง แค่ไหนก็แตกต่างกันไป ถ้าเป็นมากอาจไม่สามารถกระดกลิ้นได้ แต่ถ้าเป็นไม่มากหรือ เยื่อพังผืดนี้ยืดได้ดี เด็กก็มีชีวิตปกติ จนโตถึงจะ สังเกตพบ 

หากเราไม่รู้จัก ไม่สังเกตุ โดยเฉพาะเด็กแรกเกิดมักถูกมองข้ามไป จนเมื่อเด็กโตขึ้น พูดไม่ชัดจึงมาปรึกษาแพทย์ และแพทย์ศัลยกรรม มักจะแก้ไขได้เพียงแค่ขลิบพังผืดใต้ลิ้นให้ แต่เด็ก ก็ยังคงพูดไม่ชัด ต้องได้รับการบำบัดเรื่องการพูด (speech therapy) อยู่นานกว่าจะสามารถพัฒนาการ พูดได้ ดังนั้น เราจึงควรให้ความ สำคัญตั้งแต่ในวัยแรกเกิดเพื่อจะได้แก้ไขให้เด็กสามารถ ที่จะพูดชัดได้เหมือนเด็กปกติ

ปกติเวลาที่เด็กดูดนมจะเกิดสุญญากาศขึ้น ระหว่างช่องปากของเด็กและเต้านมของแม่ และเด็กจะ ใช้เหงือกกดไล่น้ำนมจากท่อเก็บน้ำนมและใช้ลิ้นเป็นส่วนช่วยไล่น้ำนมจากท่อเก็บให้ไหลออกมาตามท่อน้ำนม สู่หัวนมและกลืนลงคอไปในที่สุด




ถ้าในกรณีทารกมีพังผืดติดใต้ลิ้นมากเกินไป ก็จะทำให้ปลายลิ้นขยับออกมา เลียลานหัวนมไม่ได้ ส่งผลให้เกิดปัญหาเมื่อต้องดูดนมมารดา บางรายจะใช้เหงือกในการช่วยดูดนม ซึ่งจะทำให้มารดาเกิดความเจ็บปวดหัวนมแตกและเป็นอุปสรรคต่อการให้นมบุตรต่อ ไป

ความผิดปกติที่คุณแม่สังเกตได้

ลูกคุณจะงับหัวนมไม่ค่อยติดเมื่อดูดนม ดูดเบา ดูดบ่อย น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้นตามกำหนด มีอาการตัวเหลือง สำหรับมารดาก็จะมีอาการเจ็บขณะที่ทารกดูดนม อาจมีหัวนมแตกเป็นแผลและส่งผลแทรกซ้อนถึงเต้านมอักเสบได้
ในอดีตเราไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องของการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดามากนัก ในกรณีที่เด็กทารกไม่สามารถดูดนมมารดาได้ก็จะแก้ไขด้วยการเลี้ยงด้วยนมขวด ที่เป็นเช่นนี้เพราะการ ดูดนมจากขวดง่ายสำหรับเด็ก ไม่ต้องใช้แรงในการดูด มากน้ำนมก็พร้อมจะไหลเข้าปากตามแรงโน้มถ่วงของโลก อยู่แล้ว ต่างจากการดูดนมจากเต้านมแม่ซึ่งต้องใช้แรง ดูดร่วมกับลิ้นกดไล่น้ำนมออกมาจากแหล่งเก็บและ แรงโน้มถ่วงของโลกก็ไม่สามารถทำให้น้ำนมไหลออก มาจากแหล่งเก็บนี้ได้
ปัญหาอื่นของภาวะพังพืดใต้ลิ้น นอกจากการดูดนมมารดา

เนื่องจากลิ้นเป็นอวัยวะสำคัญอย่างหนึ่งในการพูด โดยเฉพาะปลายลิ้นที่ต้องช่วยในขณะออกเสียงควบกล้ำ ดังนั้นในเด็กโตที่มีพังผืดยึดมาถึงบริเวณปลายลิ้นอาจพูดไม่ได้ พูดช้าและมีปมด้อยได้ แต่เนื่องจากพังผืดเกิดในทารกแรกเกิดมีแนวโน้มที่จะยืดออกเองได้ จึงยังไม่มีข้อบ่งชี้ชัดเจนในการรักษา ขณะที่เป็นทารกแรกเกิด หากยังไม่มีปัญหาเรื่องการดูดนมมารดา แพทย์ก็จะทำการนัดมาตรวจเป็นระยะๆ หากพังผืดยืดออกได้เองก็ไม่ต้องทำการรักษา หากไม่ยืดออกก็จะพิจารณารักษาต่อไป 

นอกจากนี้ปลายลิ้นยังมีส่วนช่วยในการทำความสะอาดซอกฟัน จึงมีรายงานจากทางทันตแพทย์ว่า ภาวะลิ้นติดมากๆ อาจส่งผลถึงสุขภาพปากและฟันได้ด้วย

การรักษาภาวะพังผืดใต้ลิ้นในเด็กทารกเป็นสิ่งที่ทางการแพทย์ให้ความสำคัญและ มีการพัฒนามากขึ้น ในอดีตการรักษาใช้การดมยาสลบในการผ่าตัดทุกราย ทำให้สร้างความวิตกแก่พ่อแม่ของเด็กอย่างมาก แม้ทางการแพทย์จะมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยต่อเด็กทารกก็ตาม แต่ก็อาจจะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ และเด็กทารกจะต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลต่ออีกอย่างน้อย 2-3 วัน
ปัจจุบันคณะผู้ทำการรักษาได้ประยุกต์วิธีการผ่าตัดโดยใช้ยาชาเฉพาะที่มาใช้ ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าทำการรักษาได้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกับการรักษาโดยการดมยาสลบ และที่สำคัญที่สุด คือเด็กสามารถดูดนมได้ทั้งตั้งแต่ก่อนผ่าตัด และหลังผ่าตัด  นอกจากนี้ยังสามารถกลับบ้านได้ทันที หลังจากได้รับการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยอีกด้วย


ไม่มีความคิดเห็น: