วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2552

ถ่ายเป็นเลือดสีแดง!!! ทำไงดี!!??

เคยไหมคะ ที่วันหนึ่งคุณเข้าห้องน้ำ แล้วถ่ายออกมามีเลือดสดๆ สงสัยล่ะสิว่า ทำไมblog นี้เอาเรื่องนี้มาพูด

อย่าบอกว่าคุณไม่เคยมองนะ มันออกมาจากท้องของคุณ คุณไม่เคยดูนี่ ออกแนวผิดปกติไปหน่อยนะคะ

เชื่อไหมคะ ถ้าจับคนมานั่งถาม 100 คน มีคนที่ถ่ายเป็นเลือดสดๆ ถึงเกือบๆ 90% ไม่เชื่อลองถามเพื่อนคุณดูก็ได้ค่ะ เคยไหมเอ่ย??

สาเหตุการถ่ายเป็นเลือดสดๆ มักเกิดจากการที่มเลือดออกที่บริเวณลำไส้ตรง (ที่ตรงในรูปเขียนว่า Rectum นี่แหละค่ะ) และรูทวาร (ที่ตรงในรูปเขียนว่า Anus นี่แหละค่ะ)







บริเวณนี้อยู่ใกล้ทางออกมากที่สุด เลือดที่ออกมาจึงเป็นเลือดสด




เอ........ แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เลือดออกมาจากบริเวณนี้ได้



หุหุ .... พอจะนึกออกไหมคะ? คุณน่าจะมีคำตอบในใจอยู่บ้างแล้ว


สาเหตุที่พบบ่อยที่คุณๆอาจจะเคยคุ้นหู อันดับแรก คือ ริดสีดวงทวาร


ริดสีดวงทวาร คุณอาจจะเคยได้ยิน แล้วคุณทราบไหมคะ? ริดสีดวงทวารคืออะไร?


โดยส่วนใหญ่ หลายคนมักคิดว่า ริดสีดวงทวารเป็นก้อนที่รูทวาร แต่ในความเป็นจริงแล้ว ริดสีดวงทวารนั้น เป็นเส้นเลือดโป่งพองที่เกิดขึ้นบริเวณลำไส้ตรง และ รอบรูทวาร


อธิบายแบบนี้เข้าใจยากไหมคะ งั้น ลองดูใหม่ ถ้าเปรียบเทียบ ลำไส้ตรงแบบรูปด้านบน เป็น ท่อพีวีซี แบบท่อน้ำ ที่ตั้งตรงลงมา เส้นเลือดที่มาเลี้ยงลำไส้ตรง มีลักษณะเป็นร่างแห เปรียบเหมือนตะแกรงลวดที่นำมาล้อมทับลำไส้ตรงอีกครั้ง อา... ดูเหมือนจะวาดภาพออกใช่ไหมคะ เล้นเลือดที่ล้อมรอบลำไส้ตรงนั้นต่างกับตะแกรงลวดตรงที่มีความยืดหยุ่นสูงกว่า ไม่แข็งกระด้างแบบโลหะ แต่ยืดหยุ่นได้เหมือนลูกโป่ง


ลองจิตนาการดูนะคะ เมื่อคุณเบ่ง หรือไอ ลูกโป่ง(ซึ่งในที่นี้คือเส้นเลือดที่ล้อมรอบไส้ตรงและรูทวารไว้)ก็จะพองออก เมื่อหยุดเบ่งก็จะยุบไป


เอ้า! เบ่ง --> พอง , หยุดเบ่ง--> ยุบ .....อีกที เบ่ง --> พอง , หยุดเบ่ง--> ยุบ .....อีกที เบ่ง --> พอง , หยุดเบ่ง--> ยุบ อะไรจะเกิดขึ้นกับลูกโป่งที่คุณเป่าบ่อยๆ


ลูกโป่งจะยืดมากขึ้น แล้วย้อยออกมา มันจะย้อยออกมาจนดันผนังลำไส้ออกมาในรูปเป็นก้อน คุณจึงเห็นเป็นก้อนที่รูทวาร


จากที่สาเหตุที่กล่าวมา แสดงว่า ริดสีดวงทวาร เกิดจากการเบ่ง หรืออะไรที่เหมือนเบ่ง เช่น ไอ หรือตะโกนเป็นต้น


คนเราจะเบ่งเมื่อ ท้องผูกบ่อยที่สุด ดังนั้น สาเหตุที่ทำให้เกิดริดสีดวงทวาร จึงเกิดจากท้องผูก มากที่สุด


แนะ!! มีคนแย้งในใจค่ะ " ไม่เคยท้องผูกเลยนะ ออกแนวท้องเสียด้วยซ้ำ ถ่ายบ่อยๆ ทำไมเป็นริดสีดวงหล่ะ"


โดยส่วนใหญ่ ถ้าคุณถ่ายบ่อยๆ ทำให้เกิดความดันในช่องท้องสูงได้เหมือนกันค่ะ สังเกตุดีๆ คุณจะเบ่งๆ แล้วลำไส้จะบีบตัวอย่างแรง จังหวะนั้นแหละค่ะ ที่ความดันในเส้นเลือดสูงขึ้น เหมือนเป่าลูกโป่ง


คุณแม่ๆที่ตั้งท้อง ก็มักจะเป็นริดสีดวงทวารเสมอค่ะ จะมากจะน้อยต่างกัน เนื่องจากมดลูกที่โตขึ้น เนื่องจากคุณแม่มีคุณน้องตัวเล็กๆ อยู่ในมดลูก มดลูกนี่แหล่ะค่ะ จะกดลงบนเล้นเลือดดำใหญ่ในช่องท้อง ทำให้เกิดการเป่าลูกโป่งแทบจะตลอดเวลา แต่เป็นเป่าทีละน้อยๆ กลายเป็นว่า คุณแม่ๆ ทั้งหลายจึงมีการเป่าลูกโป่งโดยไม่รู้ตัว

พอจะเข้าใจแล้วใช่ไหมคะว่า ริดสีดวงทวารเกิดจากอะไร เมื่อเข้าใจการดูแลรักษาก็จะง่ายขึ้น

มีคำถามว่า " เราจะต้องไปหาหมอไหม เมื่อเราถ่ายเป็นเลือด?" บอกตรงๆ นะคะ รบกวนถ้ามีเวลา กรุณาเถอะค่ะ ไปซักนิด จริงๆ แล้วการถ่ายเป็นเลือดนั้น มีได้หลายสาเหตุ ถึงสาเหตุที่เราพบบ่อยจะเป็นเรื่องของ ริดสีดวงทวารก็เถอะ แต่สาเหตุอื่นก็มีบ้าง เช่น การเป็นแผลที่รูทวาร แต่ ที่น่ากลัวคือการมีก้อนเนื้องอกที่รูทวาร อันที่เราเรียกกันว่า มะเร็งลำไส้นี่แหล่ะค่ะ

เดี๋ยวเราจะมาพูดถึงเรื่องนี้ที่หลัง

มาดูกันว่า เมื่อคุณทราบว่าตัวเองนั้น เป็น ริดสีดวงทวารแล้ว จะทำอย่างไร??

ขออธิบายก่อนนะคะว่า ริดสีดวงทวาร มี 2 ประเภท คือ 1. ริดสีดวงทวารที่อยู่ด้านนอก ( External Hemorrhoid) ซึ่งเกิดต่ำกว่า dentate line 2. คือ ริดสีดวงทวารที่อยู่ด้านใน ( Internal Hemorrhoid) ซึ่งก็คือ ส่วนที่อยู่เหนือ dentate line ถ้าสงสัยว่า dentate line อยู่ตรงไหน ดูรูปนะคะ


ความสำคัญของ ริดสีดวงทวารส่วนนอก และส่วนใน คือ ริดสีดวงทวารส่วนนอกนั้น ไม่สามารถรัดหัวด้วยยางได้ เนื่องจากบริเวณต่ำกว่า dentate line จะมีเส้นประสาทรับรู้ความเจ็บปวด อยู่ด้วย ในขณะที่ ส่วนที่อยู่เหนือ dentate line จไม่มีเส้นประสาทรับรู้ความเจ็บปวด จะมีแค่ เส้นประสาทรับรู้เรื่องการขยายตัวของลำไส้เท่านั้น ( ความรู้สึกก็เหมือนทางข้าวอิ่มจนแน่นไงคะ) จึงสามารถรัดหัวได้ง่าย นอกจากนี้โอกาสที่จะพบริดสีดวงทวารปลิ้นออกมาจนอักเสบนั้น จะพบในริดสีดวงทวารส่วนนอกได้บ่อยกว่า (มันใกล้ทางออกนี่ ก็เลยออกง่ายกว่า)

โดยส่วนใหญ่ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีก้อนออกมา เรามักจะนึกถึงริดสีดวงทวารเมื่อมีก้อนที่รูทวารมากกว่าถ่ายเป็นเลือด แต่เมื่อมีถ่ายเป็นเลือด โดยส่วนใหญ่ กลับนึกถึงมะเร็งลำไส้ อืม....นะ ก็มันน่ากลัวกว่ากันนี่นา

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดว่า เอ .... ตัวคุณเป็นริดสีดวงทวารไหม? ให้ลองไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูค่ะ แต่ถ้าคุณไม่อยากไปพบแพทย์ ลองทำตามนี้ดูนะคะ ถ้าเป็นริดสีดวงทวารที่ไม่รุนแรง มักจะดีขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ยา แต่ถ้าเป็นรุนแรง คุณอาจจะต้องใช้ยาร่วมด้วยค่ะ

วิธีปฏิบัติตัวเมื่อคุรเป็นริดสีดวงทวาร

1. ดื่มน้ำให้มากเข้าไว้ โดยคำนึงถึงน้ำหนักตัวเป็นหลัก

- ถ้าคุณน้ำหนักตัว 45-50 กิโลกรัม ให้ดื่มน้ำให้มากกว่า 3 ลิตร ต่อ วัน
- ถ้าคุณน้ำหนักตัว 51-60 กิโลกรัม ให้ดื่มน้ำให้มากกว่า 3 ลิตร ครึ่ง ต่อ วัน
- ถ้าคุณน้ำหนักตัว มากกว่า 61 กิโลกรัม ให้ดื่มน้ำให้มากกว่า 4 ลิตร ต่อ วัน

ทั้งนี้ นี่คือปริมาณน้ำของผู้ที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องการดื่มน้ำนะคะ ถ้าเป็น โรคไต หรือ โรคหัวใจ จะต้องระวังเรื่องปริมาณน้ำมากกว่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ค่ะ

2. ทานผักผลไม้มากๆ เนื้อสัตว์ให้น้อยลง เนื้อสัตว์ควรจะเป็นเนื้อปลา เนื้อไก่ ถ้าเป็นเนื้อหมู หรือเนื้อวัว กากจะแข็ง ทำให้ถ่ายลำบาก

ที่ควรระวังคือ ถ้าคุณ ทานผักมาก แต่ทานน้ำน้อย ไม่มีทางที่คุณจะถ่ายได้สบายหรอกค่ะ เหมือนกับปูนซิเมนต์ เมื่อผสมน้ำน้อยก็จะเห็นเป็นก้อนกรวดเล็กๆหยาบๆแทน ไม่มีประโยขน์อะไร ท้ายสุดมันก็แข็งและไม่ออกอยู่ดี

3. งดอาหารประเภท ของเผ็ด ของหมัก ของดอง ชา กาแฟ โอเลี้ยง น้ำอัดลม กระทิงแดง ลิโพ ( ของจำพวกเกดียวกัน แต่มียี่ห้ออื่นด้วยนะคะ) เหล้า เบียร์ บุหรี่ ยาชุด ยาประดง ยาทัมใจ ยากระจายเส้น

4. ช่วงที่มีเลือดออก ถ้ามีอาการปวดที่รูทวาร ให้ใช้ น้ำอุ่น ใส่กะละมังนั่งแช่ เน้น!! นะคะ น้ำอุ่น ใส่กะละมังนั่งแช่ กรุณาอย่าขี้โกงใช้น้ำอุ่นจากฝักบัว ฉีดที่รูทวารแทน อันนั้นไม่ช่วยค่ะ จะทำให้อักเสบมากขึ้น แช่วันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น ครั้งละ 15 - 30 นาที

5. อันนี้อาจจะยากที่สุด ออกกำลังกายเบาๆ วันละ 30 นาที ไม่ต้องหักโหมมาก จุดประสงค์คือ ต้องการกระตุ้นลำไส้ ให้ลำไส้ ได้เคลื่อนไหวเยอะขึ้น การบีบตัวดี อุจจาระที่อยู่ในลำไส้ ก็จะออกมาเยอะขึ้น

โดยส่วนใหญ่ หากทำตามนี้ได้จริง จะสามารถหายได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา หรือผ่าตัด แต่หากเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้จริงๆ แม้จะผ่าตัดสัก 10 รอบก็จะกลับมาเป็นใหม่อยู่ดีค่ะ

หวังว่า คงเข้าใจเรื่อง ริดสีดวงทวารมากขึ้นนะคะ

แล้วจะหาเรื่องดีๆมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ







































15 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

เซิร์ชมา 7-8 เวป ผมอ่านของคุณแล้ว น่าสนใจกว่าที่เหล่าแพทย์มาให้คำแนะนำอีกน่ะ เพราะแต่ละท่านเหมือนอ่านมาจากสคริปเดียวกัน

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ อันนี้ครับ

irina กล่าวว่า...

ทำไว้ไม่นึกว่าจะมีคนอ่าน ขอบคุณนะคะ ที่ให้กำลังใจ กำลังคิดว่าจะลบหรือเหลือไว้ดี เหอๆๆ

Unknown กล่าวว่า...

ดีมากเลยครับ ขอบคุณนะครับ ได้ความรู้เยอะเลยครับ

Unknown กล่าวว่า...

ได้ความรู้เยอะเลยครับ ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

ผมคนนึง ที่เป็น คัฟฟ ที่แรก ตกไจ อ่ะ เระกัวมากๆ
เลย เป็น กู เกล ดู เจอ เพจ นี้
ก้อ ดูเหมือน เป็น เรื่องใหญ่ น่าจาไปหาหมอ ดี กว่า
ถ้าเกิด เวลา สั้น ไป เดียวไมทัน อิอิ
ขอบคุน ที่ให้ ความรู้ คัฟฟ ^^!

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ หนูเป็นแค่เด็กคนนึง พอเป็นก็ตกใจ แต่ก็ไม่กล้าบอกพ่อหรือแม่ กังวลมากค่ะ พอมาได้อ่านค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็กลัวว่าจะเป็นแผลในกระเพาะหรือป่าว เพราะกินข้าวไม่ค่อยเป็นเวลา (เวลาเฝ้าบ้านคนเดียวแล้วกว่าจะได้กินข้าวก็เย็นเลยค่ะ)
คิดว่าจะลองทำตามนี้ดูค่ะ^~^

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับความรู้คะ อ่านมาหลายเพจพึ่งเข้าใจในเพจนี้

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ ตะกี้เพิ่งถ่ายเป็นเลือดมา

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนมากครับผมไอมากไม่ได้ท้องผูกหรือถ่ายบ่อยพึ่งมาเข้าใจว่าเป็นโรคอะไรก็เพจนี้แหละคับขอบคุนมากคับ

Unknown กล่าวว่า...

ถ้าทำตามนี้ใช้เวลาเท่าไหร่เหนอค่ะถึงหาย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมชอบกินเผ็ดพอตื่นมาตอนเช้าตกใจเลยครับเพราะไม่เคยเป็นเลยหาวิธีรักษาพอดีเปิดมาเจอเพจนี้ ค่อยดีใจหน่อย จะลองทำตามนะครับ ขอบคุณครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผมชอบกินเผ็ดพอตื่นมาตอนเช้าตกใจเลยครับเพราะไม่เคยเป็นเลยหาวิธีรักษาพอดีเปิดมาเจอเพจนี้ ค่อยดีใจหน่อย จะลองทำตามนะครับ ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

นํ้ากรักตัวไมถึง 45 นี้ ทานกีลืตค่ะ ชอบกินเเต่ของจุกจิก ข้าวไมค่อยทาน^^

irina กล่าวว่า...

น้ำหนักตัว 20 กิโลกรัมก็ 1500 ซีซีต่อวัน
30-35 กิโลกรัม ก็ประมาณ 1800 ซีซีต่อวัน
35-45 กิโลกรัม ก็ประมาณ 2000 ซีซีต่อวันค่ะ